- มีลูก 1 คนอายุ 4 ขวบ มีภรรยา 1 คน อายุ 32 ปี
- มีเงินเก็บปัจจุบัน 50,000 บาท อยู่ในธนาคาร
- ครอบครัวสามารถเก็บเงินได้ 5,000 บาทต่อเดือน
-ทำงานเอกชน หรือค้าขาย สามารถเพิ่มเงินออมได้ 1,000 บาทต่อเดือน ทุกๆ 4 ปี
ควรวางเป้าหมายอย่างไร?
เป้าหมาย
>> เกษียณที่อายุ 60 ปีทั้งคู่ (ทั้งสองคนมีอายุงานเหลืออีก 25 ปี และ 28 ปีตามลำดับ)
>> เนื่องจากมีเงินเก็บไม่มาก ณ วันนี้ จึงวางเป้าหมายไว้ปานกลางจะมีเงินในวัย 60 ปีรวม 4 ล้านบาท
>> อีก 15 ปีลูกจะเข้ามหาวิทยาลัย (เข้ามหาวิทยาลัยอายุ 19 ปี จบ 24 ปี)
>> ช่วงลูกเข้ามหาวิทยาลัยลดเงินเก็บลง 5,000 บาทต่อเดือน เพื่อนำเงินส่งลูกเพิ่มเติม
จากตารางด้านบนจะพบว่า หากผลตอบแทนรวมของครอบครัวนี้เป็น 6% ต่อปีพวกเขาจะมีเงินในวัยที่สามี 60 ปีที่ 4.6 ล้านบาท โดยสังเกตว่าเงินเก็บจะเพิ่ม 1,000 บาทต่อเดือนทุกๆ 4 ปีและในช่วงลูกเข้ามหาวิทยาลัยเงินเก็บจะลดลง 5,000 บาท พวกเขาถึงเป้าหมาย
มีคำถามว่า
>> พวกเขาจะทำอย่างไรถึงจะได้ผลตอบแทน 6% ต่อปีติดต่อกันไปจนอายุ 60 ปี
>> พวกเขามั่นใจได้อย่างไรว่าหากใครคนใด เสียชีวิต พิการ ก่อนกำหนด แผนที่วางไว้จะต้องเสียหาย รวมถึงอนาคตของลูกที่อาจจะไม่แน่นอนด้วย
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดสรรสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม
วิธีทำ
ลงทุนในกองทุน 65% (ให้ผลตอบแทนระยะยาว 6%)+ ประกันออมทรัพย์ชนิดที่มี IRR เกิน 2% และ ประกันเบี้ยราคาถูก(แบบ term อุบัติเหตุ โรคร้ายแรง ไม่มีเงินคืน) 15% + หุ้น 20% (ให้ผลตอบแทน 10%)
ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ได้รับ = 65*.06 + 20*0.01 + 15*0.10 = 5.60 %
เหตุผลที่ต้องจัดสรร
>> หาท่านจะเก็บเงินในธนาคาร ผลตอบแทนดีที่สุดคือ 1.5 -2.0 % ต่อปี ถือว่าน้อยมาก ในขณะที่เงินเก็บมีจำนวนน้อยเกินไป
>> ประกันชีวติ มีผลตอบแทนน้อยเช่นเดียวกัน ในระยะยาวก็สูงกว่าการฝากธนาคาร (มีข้อควรระวัง)
>> การเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะสมควรได้ผลตอบแทนราวๆ 6% ต่อปี
>> การเลือกทำประกันก็เพื่อประกันว่าหากคนใดคนหนึ่งจากไปหรืออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำงานได้ด้วยโรคภัยหรืออุบัติเหตุ ครอบครัวก็ยังมีเงินก้อนจากประกันมาช่วยเหลือ แต่ถ้าไม่มีใครเป็นอะไร ยังไงเป้าหมายที่วางไว้ก็สำเร็จ อย่าเสียดายเงินก็เล็กที่จะรักษาเป้าหมายที่ใหญ่กว่า
>> ลงทุนในหุ้น เนื่องจากหุ้นเป็นเรื่องของการศึกษาธุรกิจหากท่านมีความรู้ความสามารถเพียงพอ ก็จะทำให้เป้าหมายของครอบครัวดีกว่าเดิมได้เพราะในระยะยาวแล้ว การลงทุนในหุ้นสำหรับคนที่ประสบความสำเร็จจะได้ผลตอบแทนเกิน 10% และท่านสามารถโยกเงินจากการออมในกองทุนไปยังหุ้นในสัดส่วนที่มากขึ้น ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นไปอีก แต่บางคนอาจจะแย้งว่าถ้าล้มเหลวก็จะทำให้เสียเวลาในการออมและเสียหายได้ แต่จากประสบการณ์จะบอกตรงๆว่า ภายใน 4 ปีหากคุณไม่ประสบผลสำเร็จจากการลงทุนในหุ้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนในหุ้นอีกในปีที่เหลือเพราะคุณไม่เหมาะที่จะศึกษาหาความรู้ในการลงทุนด้านนี้จึงทำให้จำกัดการเสียหายแค่เงิน 4 ปีแรกซึ่งเป็นเงินไม่มากนัก แต่ถ้าประสบผลสำเร็จอาจจะให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้นได้
*** กองทุนนั้นง่ายกว่าหุ้นมากและเราจะแนะนำวิธีการลงทุนในกองทุนในครั้งต่อไป(แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จ เหมือนกับครูคนเดียวกันสอนนักเรียนทั้งห้อง นักเรียนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่เอาใจใส่และหาความรู้เพิ่มเติมอย่างเสม่ำเสมอ)
ต่อมาให้เราแก้ไขข้อมูลในตารางจากผลตอบแทน 6% เป็น 5.6% ตามที่ได้คำนวณจากการจัดสรร
โดยตาราง (สามารถแก้ไขได้ตามไฟล์ที่แนบมาที่ท้ายบทความ)
ถึงแม้ว่าผลตอบแทนจะเหลือ 5.6% ต่อปี ก็ยังทำให้เงินของครอบครัว(ในวันสามีมีอายุ 60 ปี )มีจำนวน 4.35 ล้านบาท แต่ถ้ามีเหตุการร้ายเข้ามาในชีวิตประกันที่ทำไว้ก็จะทำงานซึ่งอาจจะไม่ได้เพียงพอหรือเป็นไปตามเป้าหมายแต่ประกันจะทำให้ทุกอย่างรู้สึกผ่อนคลาย
หลักการในการทำประกันชีวิตได้แก่
1.หากอายุยังน้อยเงินเก็บยังไม่มาก ให้ทำประกันอุบัติเหตุสูงๆ + term ที่มีเบี้ยชำระไม่แพงเมื่อเทียบกับความคุ้มครอง + 90/20 ที่สามารถเลือกอนุสัญญาเพิ่มเติมได้
2.เพิ่มสัญญาประกันไปตามอายุและรายได้ ให้ทำเช่นเดิม ประกันอุบัติเหตุ + term + แบบประกันที่มีราคาไม่แพง 90/20 พวงด้วยอนุสัญญาตามฐานะการเงินของผู้ทำประกัน มีเงินมากก็คุ้มครองสุขภาพรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน แต่ถ้าเงินไม่มากก็เลือกเข้าโรงพยาบาลรัฐใช้ประกันสังคมหรือบัตรทองก็ได้โรงพยาบาลรัฐหลายๆแห่งก็มีคุณภาพที่ดีมากเช่นกัน
3.หากจะเลือกการออมผ่านประกันชีวิต ควรเลือกแบบที่มีผลตอบแทนสูง ในปัจจุบันแบบที่มีผลตอบแทนสูงมี IRR ราวๆ 2.7% และหากรวมผลประโยชน์ในการนำไปลดหย่อนภาษีก็จะทำให้มีผลตอบแทนที่ดีขึ้น
หากฐานภาษีอยู่ที่ 10% ก็จะทำให้ IRR เพิ่มเป็น 3.71%
ไฟล์แนบวิธีการคำนวณผลตอบแทน คลิกที่นี่ และให้ทำการเพิ่มไปใน google drive ของตนเอง หรือจะ download เป็น excel มาไว้ในเครื่องก็ได้ เพราะถ้าไม่ทำตามนี้ก็จะแก้ไขตัวเลขไม่ได้
>> การศึกษาหาความรู้ในการงานและการลงทุนทุกๆวันจะทำให้เรารักษาทั้งหน้าที่การงานและแผนการออมในอนาคตไว้ได้ และใช้ชีวิตไม่ประมาท <<
No comments:
Post a Comment