Sunday, January 19, 2020

หุ้นยาที่มี market share สูงเกิน 90% ในตลาดจีน



การเรียนรู้เรื่องการลงทุนจำเป็นจะต้องเรียนรู้ต่อเนื่องและเก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ waren buffet ได้ให้คำแนะนำว่าควรอ่านงบการเงินซึ่งได้แก่เอกสารรายงานประจำปีและอธิบายของฝ่ายบริหารซึ่งจะชี้แจงสถานะของบริษัทที่เกี่ยวกับรายได้หรือกำไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากงวดการเงินเดียวกันเมื่อเทียบปีต่อปี พัฒนาการของบริษัทที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายปีข้างหน้า

การอ่านรายงานประจำปีหรืองบการเงินประจำไตรมาสจำเป็นจะต้องอ่านจำนวนหลายบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันและหลายๆปีติดต่อกันเพื่อจะได้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของบริษัทรวมถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมเดียวกันนั้น



ภาษาของการลงทุนก็คือการเข้าใจด้านวิธีการดำเนินธูรกิจและการบัญชี เมื่อเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการประกอบกิจการของบริษัทจากการอ่านรายงานประจำปีก็จะต้องเข้าใจถึงตัวเลขที่บริษัทได้ชี้แจงในงบการเงินนั้น

สมัยที่ผมได้ศึกษาเรื่องการลงทุนใหม่ๆผมคิดว่าการบัญชีนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยเพราะมันเหมือนเป็นสามัญสำนึกธรรมดาของการบันทึกรายได้รายจ่าย แม้ว่าผมไม่ได้อ่านเรื่องบัญชีลึกซึ้ง ผมก็ยังสามารถที่จะลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีเป็นเวลาหลายปี บัญชีของผู้ตรวจสอบบัญชีหรือผู้ลงบัญชีแตกต่างกับการบัญชีเพื่อการลงทุนเราไม่จำเป็นต้องรู้ขนาดนั้น อย่างไรก็ตามผมยังแนะนำว่าควรที่จะอ่านงบการเงินฉบับสำหรับนักลงทุนเพื่อที่จะเข้าใจแนวความคิดเกี่ยวกับการบัญชีและสามารถอ่านงบการเงินได้อย่างเข้าใจและถูกต้อง
ครั้งก่อนผมได้แนะนำหุ้นโรงเรียนในตลาดฮ่องกงนั่นก็คือ Maple leaf Education ตอนนี้ราคาเพิ่มขึ้นไปราวๆ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนหุ้น 3 ตัวก่อนหน้านั้นก็สามารถบวกได้โดยเฉลี่ย 18 เปอร์เซ็นต์ในระยะเวลา 3-4 เดือน ราคาหุ้นไม่ได้สำคัญกว่าผลประกอบการดังนั้นราคาเป็นแค่เครื่องชี้วัดให้เราหาจังหวะซื้อหุ้นดีๆแล้วถือนานๆ

YICHANG HEC CHANGJIANG PHARMACEUTICAL CO., LTD. - H SHARES (1558)

วันนี้ผมจะมาพูดถึงหุ้นยา(วิจัย พัฒนาและผลิต) ยาของบริษัทมีหลายรายการ แต่สินค้ารายการหนึ่ง ทำรายได้และกำไรให้บริษัทคิดเป็น 95% ของรายได้ทั้งหมด และยาตัวนี้ก็ยังมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจีนมากกว่า 90%

การที่สินค้าและหรือบริการจะมีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์นั้นย่อมแสดงให้เห็นว่าสินค้าหรือบริการนั้นมีความเหนือชั้นกว่าคู่แข่งเป็นอย่างมาก


ยาที่ว่ามานั้นของบริษัทก็คือรักษาโรคไข้หวัดใหญ่(Anti-viral)ที่มียี่ห้อ Kewei เป็นยา Oseltamivir เข้ามาทำตลาดในปี 2006




ยา kewei มีการเติบโตของรายได้ในช่วงปี 2015 - 2017อยู่ที่ 76% และการเติบโตในปี 2018 ถึง 2019 มีอัตราการเติบโตสูงถึง 100%


บริษัทไม่ได้เปิดเผยส่วนแบ่งการตลาดในปี 2019 ผมคาดว่าน่าจะมีสัดส่วนมากกว่า 95% จากปี 2017 ที่อยู่ที่ 92.5 เปอร์เซ็นต์


โอกาศของยากีวีในปี 2020

จาก presentation ของบริษัทได้สรุป Key Factor ที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ยา kewei สามารถเติบโตได้(เนื่องจากได้กิน market share ของคู่แข่งเกือบหมดแล้ว)

นั้นก็คือการเลิกใช้ยา Amantadine และ TCM(traditional chinese medicine) อยู่ราวๆ 50 เปอร์เซ็นต์






ในอนาคตอันใกล้
บริษัทยังมีตัวยา Hepatitis C (Anti-viral , treating liver cirrhosis-free genotype) ที่กำลังมาถึงขั้น NDA (ผ่าน phase III clinical trial มาแล้ว)และเป็นบริษัทแรกของจีนที่ผลิตตัวยานี้

“Company’s Yimitasvir / Sofosbuvir and Yimitasvir / Furaprevir are positioned as one of the 1st domestically-manufactured dual-DAA treatments to achieve commercialization in China “

ตลาดในสวนนี้มีมูลค่าสูงถึง 30,000 ล้านหยวน

ยาอินซูลิน
จากนี้บริษัทยังดำเนินการคิดค้นและวิจัยตัวยาอินซูลิน ที่มีมูลค่าตลาดในจีนสูงถึง 50,000 ล้านหยวน แม้ว่าสิทธิบัตรในยาอินซูลินได้หมดลงแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อนแต่มีเพียงบริษัทใหญ่ 3 บริษัทในโลกที่ครองส่วนแบ่งการตลาดราวๆ 90% เป็นโอกาสของบริษัทที่จะสร้างรายได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตามในธุรกิจทั้งหลายย่อมต้องมีคู่แข่งการที่มูลค่าตลาดของยาอินซูลินสูงมากทำให้หลายๆบริษัทต่างก็ทุ่มเททรัพยากรเพื่อที่จะวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตสินค้าออกมาขายแข่งกับผู้ครองตลาดเดิม แต่เหตุผลที่ 3 บริษัทใหญ่ยังคงครองเจ้าตลาดต่อเนื่องมาหลายสิบปี ผมเชื่อว่าเกิดจาก ปัญหาการผลิตที่ยาก, มีต้นทุนที่ต้องทำวิจัยสูง เพื่อที่จะให้ยามีคุณภาพเทียบเท่ายาต้นฉบับ(biosimilar)


ตารางแสดงรายการวิจัยและพัฒนาจากรายงาน interim report 1H2019


ราคาหุ้น ณ วันที่เขียน 17 Jan 2020 HK$ 41.6
P/E 13 เท่า

market cap 18.8b million

dividend HK$ 1.87/share

หลักการในการคิดที่จะซื้อหุ้นระดับ  5 เท่าของมูลค่าทางบัญชี
- บริษัทมี barrier to entry เพราะยาก kewei มี market share ที่สูงมาก 93% สิทธิบัตรนี้จะหมดในปี 2026 ยังมีเวลาทำกำไรอีกไม่น้อยกว่า HK$ 12 - 15 billion และหลังจากนั้นก็คงยังทำกำไรได้ไปอีกหลายปีจนกว่าคู่แข่งจะทำการเลียนแบบยาของบริษัท 
- มียากลุ่ม anti-viral ที่บริษัทจะออกจำหน่าย และมีโอกาสทำเงินสูง
- ยังมี insulin ที่เป็นความหวังที่จะเพิ่มรายได้และกำไรในอนาคต 
- ทั้งหมดนี้แค่ยา kewei ก็คุ้มค่าในการลงทุนแล้ว เพราะในการประกาศผลประกอบการปี 2019 กำไรของบริษัทที่จะประกาศผมคาดว่าจะอยู่ที่ HK$ 5.0 /หุ้น ทำให้ P/E ลดต่ำกว่า 10 เท่า

Wednesday, January 15, 2020

ผลตอบแทนในปี 2562 ของกองทุน LTF ที่ดีที่สุด ผลตอบแทนของตลาดหุ้น (เล็ก กลาง ใหญ่)

สรุปผลตอบแทนของหุ้นไทยในปี 2562 ดังนี้

--- ผลตอบแทนของ SET โดยรวมผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 4.29%
 SET ถือเป็นตัวแทนของผลตอบแทนโดยรวมของหุ้นทุกตัว โดยใช้วิธีถ่วงน้ำหนักตามขนาดของหุ้น

--- ผลตอบแทนของหุ้นขนาดใหญ่ SET50 โดยรวมผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 5.32%
โดยมีหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่ทำให้ SET50 และ SET มีผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นที่ดีมากจนดึงหุ้นทั้งหมดเป็นบวกได้

--- ผลตอบแทนของหุ้นขนาดเล็ก SETs โดยรวมผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ -24.28 %
ในปีนี้ผลตอบแทนหุ้นในกลุ่มที่ผมลงทุนติดลบเป็นตัวเลขที่สูงและปีที่แล้วก็ติดลบ โดยปี2561 มีผลตอบแทนที่ -22.25%
--- ผลตอบแทนของหุ้นขนาดเล็ก MAI โดยรวมผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ -30.52 %
เป็นหุ้นขนาดเล็กที่อยู่ในตลาด MAI ซึ่งผมไม่ลงทุนเป็นการติดลบ 3 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2560, 2561 มีผลตอบแทน -10.97%, -13.67% ตามลำดับ

ตลาดหลักทรพัย์เคยโฆษณาชวนเชื่อว่าการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ มันทำให้ความเชื่อนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง

--- ผลตอบแทนของหุ้นปันผลสูง SETHD โดยรวมผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ -4.47 %
ทางตลาดหลักทรัพย์ได้จัดกลุ่มหุ้นที่มีปันผลที่ดีมารวมกันไว้ตั้งแต่ปี2555 และก็พิสูจน์ได้ว่าหุ้นที่ปันผลดี ไม่ได้แปลว่าจะตอบแทนดี

--- ผลตอบแทนของกองทุน SCBLTS โดยรวมผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 1.49% และกองทุนนี้ก็หลุดจากกองทุน LTF ที่มีผลตอบแทนแย่ที่สุดตลอดกาลได้แล้ว

--- ผลตอบแทนของกองทุน CG-LTF โดยรวมผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 3.02 % ยังเป็นกองที่มีผลตอบแทนนับตั้งแต่มี LTF ถึงปัจจุบันดีที่สุด

--- ผลตอบแทนของ "ส่วนตัว" โดยรวมผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ที่ 2.47 %
ผมใช้ port บัวหลวงเป็นตัววัดผลตอบแทน (เนื่องจากผมมี port หลายพอร์ต แต่เกือบทั้งหมดถือหุ้นกลุ่มเดียวกัน แม้ว่าจะมีผลตอบแทนแต่ต่างกัน แต่ผมเลือกใช้พอร์ตบัวหลวงที่มีฟังชั่นการวัดผลตอบแทนมาเป็นตัวแทน ) แม้โดยรวมๆทุกๆพอร์ตผลตอบแทนในปีนี้ของผมน่าจะน้อยกว่านี้เล็กน้อย แต่ในปีก่อนๆผลตอบแทนในพอร์ตอื่นก็ดีกว่าบัวหลวงเช่นกัน

ผลตอบแทนย้อนหลัง

นับตั้งแต่ปี 2551(เป็นเวลา 12ปี) ผลตอบแทนแบบทบต้นของ CG-LTF ก็ถือว่าดีมากทำได้ถึง 11.79% เอาชนะ SET ได้ 2.59% ต่อปี

นับตั้งแต่ปี 2557(เป็นเวลา 6ปี) ผลตอบแทนแบบทบต้น "ส่วนตัว" ก็ถือว่าดีมากทำได้ 21.76% เอาชนะ SET ได้ 15.1% ต่อปี และมีผลตอบแทนรวม 225.86% ในเวลา 6 ปี

ในปีนี้ผมเชื่อว่า ผลตอบแทนของผมซึ่งต่ำมา 2 ปีจะทำได้ดียิ่งขึ้นไปและ ผมยังคงมีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนเพื่อทำให้ชีวิตมีความมั่นคงในอนาคต