Wednesday, September 6, 2017

ลงทุนทางเลือกด้วยกองทุน


การลงทุนในดัชนี

ทุกวันนี้ดอกเบี้ยธนาคารอยู่ในระดับต่ำมานาน หากใครจะหาผลตอบแทนที่ดีๆจากการฝากเงินคงเป็นเรื่องยาก ผมขอแสดงสถิติการลงทุนเพื่อเป็นทางเลือก


รูปด้านบนแสดงให้เห็นถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน(เฉลี่ยทั้งปีโดยประมาณ)นับตั้งปี 2522 ถึง 2560 จะพบว่าดอกเบี้ยเป็นขาลงมาโดยตลอด และในปี 2560 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่เพียง 1.65% เท่านั้น
ในปี 2541 ผมเคยได้รับดอกเบี้ยจากออมทรัพย์ราวๆ 14-15%ต่อปี


ทางเลือกอีกอย่างคือการลงทุนในกองทุน
กองทุนก็คือผู้ที่จะบริหารเงินของผู้ลงทุนโดยทุกคนสามารถซื้อกองทุนได้ซึ่งจะเรียกว่า "ผู้ถือหน่วยลงทุน"
ผู้บริการกองทุนจะนำเงินที่ผู้ถือหน่วยลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆตามที่ระบุเอาไว้ในหนังสือชี้ชวนการลงทุน กองทุนไม่สามารถที่จะลงทุนนอกเหนือจากที่ได้แสดงข้อมูลในหนังสือชี้ชวนได้

ผมจะนำผลตอบแทนจากกองทุนที่ซื้อหุ้นจากดัชนีมาเป็นตัวพิจารณาเพื่อเปรียบเทียบในการลงทุน เพราะเหตุใดจึงต้องนำกองทุนดัชนีมาเปรียบเทียบ ข้อดีของกองทุนดัชนีคือ

  1. ไม่ต้องพึ่งพาความสามารถของผู้จัดการกองทุนมากนัก มีหลายกองทุนที่ผลตอบแทนย่ำแย่ไม่สมกับเงินค่าบริการที่ผู้ถือหน่วยได้จ่ายไป
  2. การลงทุนในดัชนี SET50 มีตัวเลือกหลายทาง เราอาจจะซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้โดยง่ายผ่านพอร์ตหุ้น(บัญชีหุ้น)
  3. ค่าดำเนินการต่ำ เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาความสามารถของผู้จัดการกองทุนจึงทำให้การเลือกลงทุนไม่ต้องใช้สมอง เพียงแต่กองทุนซื้อหุ้นที่อยู่ในกลุ่มในจำนวนเฉลี่ยๆกันตามขนาดของมูลค่าตลาดของหุ้นแต่ละตัว
  4. ผลตอบแทนในระยะยาวตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ

 ผมขอนำแผนภูมิแสดงผลตอบแทนรายปีของ 2 กองทุน LTF (เหตุผลที่เลือกแบบ LTF เพราะการซื้อ LTF เป็นทางเลือกที่ผู้ซื้อได้ประโยชน์ในการนำไปลดหย่อนรายได้เพื่อเสียภาษีน้อยลง) กองแรกคือ SCBLTS ซึ่งน่าจะให้ผลตอบแทนในกลุ่มท้ายๆตลอดระยะเวลานับตั้ังแต่ปี 2550 - 2560 และกองที่สองคือ CG-LTF เป็นกองที่ให้ผลตอบแทนอันดับต้นๆ(น่าจะอันดับ1)สำหรับผลตอบแทนระยะยาวตั้งแต่ปี 2550 - 2560 และผมจะมีกราฟแทงของผลตอบแทน SET, SET50, MAI ซึ่งทั้ง 3 อันนี้ได้รวมสิทธิทุกอย่าง หรือเรียกว่า TRI (ขอให้ดูคำอธิบายเพิ่มเติมไว้ในท้ายบทความ)

( ที่มาของผลตอบแทนในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ www.set.or.th/th/products/index/tri_p1.html )
( ที่มาของผลตอบแทนกองทุน www.scbam.com/th/fund/ltf/fund-information/scblts และ www.uobam.co.th/th/mutual-fund/90034/CG-LTF )
( ที่มาของลำดับผลตอบแทนกองทุน LTF www.wealthmagik.com/FundInfo/TopFundPerformance.aspx )



และกราฟด้านล่างเป็นผลตอบแทนจากการเงินฝากประจำ 12 เดือนเฉลี่ยช่วงปี 2542 - 2560 อาจจะดูไม่ตรงกับประกาศของธนาคารใด แต่อยู่ในอัตราที่ใกล้เคียง


อันที่จริงผมควรจะทำเปรียบเทียบกับค่านิยมอีกอย่างของคนออมเงินคือ การออมไว้ในประกันชีวิตประเภทออมทรัพย์ แต่ขอไปรวบรวมเอกสารประกันแต่ละชนิดมาก่อนครับ

ตารางผลตอบแทนต่อปีคิดเป็น % ของเงินฝากและกองทุน จากปี 2545


เนื่องจากกองทุน LTF เริ่มดำเนินการจากปี 2550 ผมจะทำการเปรียบเทียบว่าเงินลงทุนในแต่ละอย่างโดยเริ่มต้นตั้งแต่ต้นปี 2550 เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท เมื่อถึงปี กันยายน 2560 เงินจำนวนนี้จะมีมูลค่าเท่าไหร่

ระยะเวลาการลงทุนจากปี 2550 - 2560 เป็นจำนวน 11 ปี เงิน 1 แสนบาท

  • หากฝากประจำ 12 เดือน จะมีเงิน 126,617 บาท ผลตอบแทนเฉลี่ยตลอด 11 ปีที่ 2.17% ทบต้น
  • หากนำไปลงทุนใน SET50 TRI (เทียบเท่ากับการซื้อ TDEX หรือ ESET50 หรือกองทุน SET50) จะมีเงิน 327,730 บาท ผลตอบแทนเฉลี่ยตลอด 11 ปีที่ 11.39 % ต่อปี ทบต้น
  • หากนำเงินไปลงทุน SCBLTS จะมีเงิน 128,603 บาท (ยังไม่รวมผลประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี) ผลตอบแทนเฉลี่ยตลอด 11 ปีที่ 2.31 % ต่อปีทบต้น
  • หากนำเงินไปลงทุน CG-LTF จะมีเงิน 454,266 บาท (ยังไม่รวมผลประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี) ผลตอบแทนเฉลี่ยตลอด 11 ปีที่ 14.75% ต่อปีทบต้น

นั้นเป็นเรื่องของอดีต 11 ปีที่ผ่านมาซึ่งในอนาคตคงไม่อาจจะคาดการณ์ได้ แต่อย่างที่บอกครับว่าการลงทุนใน SET หรือ SET50 ก็เหมือนลงทุนกับธุรกิจใหญ่ในประเทศไทยผลตอบแทนย่อมเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ
ขอให้ดูอีกครั้งว่าหากเรานำเงิน 1 แสนบาทไปเริ่มลงทุนในปี 2551 แล้วผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร











  • หากฝากประจำ 12 เดือน จะมีเงิน 123,300 บาท ผลตอบแทนเฉลี่ยตลอด 10 ปีที่ 2.12% ต่อปีทบต้น






  • หากนำไปลงทุนใน SET50 TRI (เทียบเท่ากับการซื้อ TDEX หรือ ESET50 หรือกองทุน SET50) จะมีเงิน 327,730 บาท ผลตอบแทนเฉลี่ยตลอด 10 ปีที่ 10.68 % ต่อปีทบต้น







  • หากนำเงินไปลงทุน SCBLTS จะมีเงิน 128,603 บาท (ยังไม่รวมผลประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี) ผลตอบแทนเฉลี่ยตลอด 10 ปีที่ 2.14 % ต่อปีทบต้น







  • หากนำเงินไปลงทุน CG-LTF จะมีเงิน 454,266 บาท (ยังไม่รวมผลประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี) ผลตอบแทนเฉลี่ยตลอด 10 ปีที่ 12.56% ต่อปีทบต้น

  • นอกจากนี้เรายังมีกองทุนที่ลงทุนดัชนีหรือเฉพาะกลุ่มธุรกิจให้ได้เลือก เช่น กองทุนที่ลงทุนเฉพาะในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมถึงทางเลือกของการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

    ผมได้ดูกราฟราคา(NAV) ของกองทุนต่างๆพบว่าเราสามารถเลือกช่วงเวลาการลงทุนให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มผลตอบแทนได้ และในทำนองเดียวกันหากเราเลือกผิดเราก็จะมีผลตอบแทนที่แย่กว่าในตารางได้ ในตารางคือการซื้อที่วันแรกของปี และการหาจังหวะการซื้อกองทุนก็สำคัญเช่นกันมันจะทำให้เรามีผลตอบแทนที่ต่างกันไปตามตัวอย่างที่แสดงไว้ทั้งสองตางราง

    ผลตอบแทนเมื่อเรารวมผลประโยชน์การลดหย่อนภาษีผมขอทำกรณีผู้ที่นำมูลค่าการลุงทน 1 แสนบาทและสามารถนำไปลดหย่อนภาษีในปีที่ได้ลงทุนเป็นจำนวน 10% หมายความว่าเราจะได้เงินคือ 1 หมื่นบาท ดังนั้น ผลตอบแทนจะเป็นดังนี้ ให้ดูบรรทัดสุดท้ายครับ

    SCBLTS จะให้ผลตอบแทน 3.23% ต่อปีทบต้น และ CG-LTF จะให้ผลตอบแทน 13.75% ต่อปีทบต้น

    อธิบาย เงินลงทุนในกองทุนจะถูกปรับลดเหลือ 9 หมื่นบาทเพราะเราสามารถขอคืนได้ 10% ซึ่งในตารางผมทำการคำนวณโดยใช้สูตร IRR ของ Excel ซึ่งจะหมายถึงผลตอบแทนต่อปีตลอดระยะเวลา 10 ปี ซึ่งจะมีเวลาไถ่ถอนกองทุนก่อน 1 ครั้ง เพราะกองทุน LTF สามารถที่จะไถ่ถอนได้ภายในระยะเวลา 7 ปีปฎิทินหรือ น้อยสุดคือ 5 ปี 2 วัน (เมื่อก่อนสามารถถือครองเพียง 5 ปีปฎิทินเท่านั้น) ก็ยิ่งทำให้เราได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นไปกว่าที่แสดงในตารางอีกเล็กน้อย

    อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุกคนจะลงทุนในกองทุนกันได้ผลตอบแทนดีๆเสมอไป ก็เหมือนกับการลงทุนในหุ้นที่ยากพอสมควร แต่การเลือกลงทุนในกองทุนนั้นง่ายกว่าลงในหุ้นเองมาก เพราะแค่เรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลที่จำเป็นในการเลือกและดูนโยบายการลงทุนก็สามารถทำได้ และยิ่งง่ายไปใหญ่หากคุณเลือกลงทุนตามดัชนี SET50 เพราะแค่เปิดบัญชีหุ้นหรือบัญชีกองทุนก็สามารถซื้อได้ทันที และรอรับผลตอบแทน(ที่อาจจะออกมาบวกหรือลบก็ได้) แต่สำหรับผมแล้วการลงทุนในดัชนีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน แต่เชื่อมั่นว่าบริษัทธุรกิจเอกชนใหญ่ๆในตลาดหลักทรัพย์จะสร้างผลตอบแทนได้ตามสภาวะเศรษฐกิจและย่อมต้องดีกว่าการฝากเงินอย่างแน่นอนครับ

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ดัชนีผลตอบแทนรวม (TRI)  
    ดัชนีผลตอบแทนรวม คือ การคำนวณผลตอบแทนทุกประเภทของการลงทุนในหลักทรัพย์ให้สะท้อนออกมาในค่าดัชนี ทั้งผลตอบแทนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหลักทรัพย์ที่ลงทุน (Capital gain/loss) สิทธิในการจองซื้อหุ้น (Rights) ซึ่งเป็นสิทธิที่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งมักจะให้สิทธิซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ณ ขณะนั้น และเงินปันผล (Dividends) ซึ่งเป็นส่วนแบ่งของกำไรที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้น โดยมีสมมติฐานเพิ่มเติมว่าเงินปันผลที่ได้รับนี้จะถูกนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ด้วย (Reinvest)

    ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จัดทำการคำนวณค่าดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์ (SET TRI) ดัชนีผลตอบแทนรวม SET50 (SET50 TRI) ดัชนีผลตอบแทนรวม SET100 (SET100 TRI) ดัชนีผลตอบแทนรวม SETHD (SETHD TRI) ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai TRI) และดัชนีผลตอบแทนรวมรายอุตสาหกรรม (Industry TRI) รายวัน เพื่อเป็นเครื่องมือเพิ่มเติมสำหรับสะท้อนผลตอบแทนโดยรวมจากการลงทุนในแต่ละกลุ่มหลักทรัพย์ พร้อมกันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯได้คำนวณอัตราผลตอบแทนรวมรายเดือนของหลักทรัพย์ย้อนหลัง 12 เดือน สำหรับเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการเปรียบเทียบผลตอบแทนการลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์

    No comments:

    Post a Comment