Wednesday, November 27, 2019

ธรุกิจโรงเรียน SISB ในไทย VS Mable leaf ในจีน


SISB บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) vs (1317)China Maple Leaf Educational Systems Limited



ในตารางได้แสดงให้เห็นถึงความแพงของ SISB หุ้นที่อยู่ในตลาดหุ้นของไทย ทั้งๆที่เราไม่ควรจะซื้อหุ้นโรงเรียนในราคาระดับ 5.12 เท่าของมูลค่าทางบัญชีเลย หรือ P/E สูงถึง 48 เท่าโดยไม่ได้มีการเติบโตที่ต่อเนื่องในระดับสูง(มากกว่า 30%)ไปอีกหลายปี
ในขณะที่หุ้นอย่าง Maple leaf นั้นมีราคาสมเหตุผลมาก ลองดูข้อมูลเบื้องต้นตาม link นี้ https://www.mapleleafschools.com/corporate/overview/investor-introduction/
จะเห็นได้ว่าบริษัทนี้น่าสนใจมากที่จะเข้าซื้อลงทุน
ผมเป็นคนชอบธุรกิจการศึกษาอยู่แล้วครับ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสนใจในการลงทุนในหุ้นตัวนี้ คิดว่าถ้าหุ้นอยู่ซัก $2.20 HK ก็จะซื้อเอาไว้หน่อย
ข้อมูลวันนี้ที่ผมบันทึกเพื่อแสดงให้เห็นว่าหุ้นไทยนั้้นแพงเกินกว่าที่จะลงทุนและได้ผลตอบแทนที่ดีได้ และเราก็มีทางเลือกในการลงทุนในต่างประเทศได้ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ผมไม่เน้นการลงทุนในประเทศอีกต่อไป

แนะนำหุ้นใน Q3/2562 BLA

ผมจะทำการ update หุ้นที่ผมได้ศึกษาและสนใจมาลงราวๆ 5-6 ตัว และจะหุ้นที่จะมีผลตอบแทนระยะยาว(>3ปี)ระดับ 7-10 %ต่อปี ขึ้นไป และบางตัวอาจจะระยะกลาง(1ปี)ที่หวังราวๆ 10% ขึ้นไป โดยหลักคือการวางแผนการเงินระยะยาวให้สำเร็จด้วยผลตอบแทนที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในอีก 10 ปีของประเทศไทย รวมถึงเหตุผลที่ต้องขายหุ้นบางตัวออกไป

BLA

หุ้นตัวแรกที่ผมจะพูดถึงคือหุ้นประกันชีวิต
ราคาหุ้นได้ลดลงจากราคาที่ผมซื้อตอนแรกจาก 32 บาท เหลือต่ำสุดราวๆ 18 บาท ก่อนที่จะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 22.40 บาท ผมเองก็ได้ซื้อหุ้นเฉลี่ยทำให้ต้นทุนเหลือ 27 บาท

ผลกระทบในเชิงของพื้นฐานธุรกิจที่ผ่านมาได้แก่
- การที่ดอกเบี้ยกลับจากกำลังเป็นขาขี้น กลายเป็นขาลง และตอนนี้ดอกเบี้ยได้กลับไปสู่ระดับต่ำสุดของไทย
- การเสียช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธนาคารกรุงไทย โดย AIA ได้เขาไปจำหน่ายแทน
- การตั้งสำรอง LAT reserve อันเนื่องจากการลดลงของดอกเบี้ยในช่วงปี 2560(ราวๆนี้) ทำให้กระทบต่อกำไรของบริษัท อันเนื่องจากกรมธรรม์แบบออมทรัพย์
- การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ดูเหมือนว่าจะโตช้าลงไปเรื่อยๆ และสังคมของประเทศจะเข้าสูงผู้สูงวัยในอีกราวๆ 10 ปีข้างหน้า จะทำให้การลงทุนลดลง รายได้ประเทศจะลดลงตามแรงงานที่น้อยลง แต่ต้องใช้เงินมากขึ้น


แต่ถ้าเรามองเรื่องผลประกอบการ ผลกำไรของบริษัทก็ไม่ได้ตกต่ำมากนัก โดยใน 9M2562 บริษัททำกำไรได้ 3,732 ล้านบาท คิดเป็น 2.19 บาทต่อหุ้น และคาดว่าในไตรมาสที่ 4 ของปีบริษัทบริษัทก็น่าจะทำกำไรได้อีกราวๆ 1,000 ล้านบาท ก็จะทำให้กำไรทั้งปีอยู่ราวๆ 4,700 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบปีที่แล้ว

ในตารางด้านบนจะพบว่าบริษัทมีระดับราคาซื้อขายกันเพียง 0.85 เท่าของ BV และมีปันผลระดับ 3.21% ถือเป็นระดับราคาที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ IPO เมื่อเทียบในเชิง financial ratio 
ในการประชุมนักวิเคราห์บริษัทได้ให้ข้อมูลดังนี้
- เน้นสินค้าที่ทำกำไรดี (นโยบายบริษัทนับตั้งแต่งปี 2561 คือลดกรมธรรม์ออมทรัพย์)
- ขายผ่าน agent และขายผ่านช่องทางใหม่ bancassurance ผ่าน tisco bank และ siam smile
- เป้า ROI อยู่ในระดับ 4.3%
- ไม่ต้องสำรอง LAT หากดอกเบี้ยลดต่ำกว่า 1.5% (ส่วนตัวคาดว่า หากต่ำกว่า 1% อาจจะต้องตั้งสำรอง)
- กองทุน/สินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ระดับ 308% สูงกว่าเกณฑ์ที่ 140% 

ผมเชื่อว่าธุรกิจประกันชีวิตยังคงดำเนินกิจการไปได้และไม่ขาดทุน นับตั้งแต่เข้าตลดาในปี 2553(ดูกราฟด้านบน) บริษัทก็ไม่เคยขาดทุนเลยแม้แต่ปีเดียว และในช่วงปี 2559-2562 กำไรหรือรายได้จะไม่โตเพราะอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง แต่บริษัทก็ยังรักษากำไรในระดับ 5,000 ล้านต่อปีได้ ยกเว้นในปี 2560 ที่ต้องตั้งสำรอง LAT เป็นจำนวนมาก

ผมจะยังถือหุ้นตัวนี้ต่อไป แต่อาจจะไม่ได้ซื้อเพิ่มเพราะผมเน้นที่จะลงทุนในต่างประเทศเป็นหลักในขณะนี้ แต่ถ้าราคาต่ำกว่า 20 บาทอีกครั้งผมก็จะเอาเงินเดือนมาซื้อครับ และเห็นว่าหุ้นควรจะมีมูลค่าอย่างน้อยก็ 25 บาทครับ
ดาว์นโหลดบทวิเคราะห์จาก finansia

Saturday, November 9, 2019

การเปิดพอร์ตในต่างประเทศ


ตั้งแต่ผมได้ลง FB ก็ได้มีเพื่อนที่โทรคุยเพื่อขอคำแนะนำการเปิดพอร์ตต่างประเทศ ผมก็ได้แนะนำเขาไปทั้งการเปิดพอร์ตและชื่อหุ้นเป้าหมาย คนแรกก็เปิดไปแล้วที่หลักทรัพย์บัวหลวงและก็ได้ซื้อหุ้นไปเป็นที่เรียบร้อย 3 ตัว ก็เหมือนผมทั้ง 3 ตัว และอีกคนได้โทรมาคุยกับผมวันนี้ ผมได้พูดถึงอนาคตการลงทุนในประเทศให้เขาฟัง และแนวทางที่ผมจะทำในอนาคต
ผมเห็นว่าอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่จะเปิดพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศ ผมมีข้อมูลดังนี้
ผมมีพอร์ตลงทุนในต่างประเทศ 2 พอร์ต แต่จะแนะนำโบรกเกอร์ DBS Vicker เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินไปเป็นสกุลเงินต่างประเทศได้ Rate ดีกว่าที่ SCBS แต่ไม่รู้ว่าที่ไหนดีที่สุด
ให้ไปที่ https://www.dbsvitrade.com/brokerpage/004/web/Overseas.html
ให้อ่านข้อมูลที่จำเป็นในการลงทุนต่างประเทศ และ ค่าธรรมเนียม รวมถึงภาษี
ผมจะสรุปข้อมูลที่สำคัญของโบรก DBS ดังนี้
- ซื้อขายหุ้นได้ 7 ประเทศ(น้อยกว่าโบรกอื่นๆ) Singapore, Hong Kong, USA, Canada, UK, Australia และ Japan
- ตลาด Hong kong, UK ไม่เสียภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับเงินปันผล กำไรจากการขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษี
- เมื่อสมัตรแล้วต้องโอนเงินอย่างน้อย 2 แสนบาทเข้าพอร์ตเพื่อที่จะได้ password
- ระบบการซื้อขายยาก และไม่สะดวกเมื่อเทียบกับการซื้อขายหุ้นในไทย และถ้าจะดู streaming ต้องเสียเงินรายเดือน
- ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้นขั้นต่ำในตลาดฮองกงอยู่ราวๆ 600 บาทต่อคำสั่งซื้อ (ไม่ใช่ต่อวันนะ)  สามารถรวมคำสั่งซื้อหุ้นตัวเดียวกันได้ ถ้าจะให้คุ้มค่ากับค่าธรรมเนียมในการซื้อขายนี้ควรซื้อตัวเดียวกันภายใน 1 วันอย่างน้อย 150,000 บาท แต่ถ้าซื้อแล้วขายภายใน 1 วัน ค่าธรรมเนียมขายก็อย่างน้อย 600 บาท/หุ้น

ต่อมาให้คลิกไปที่ "เปิดบัญชี" และกรอกข้อมูลการสมัคร (หากสงสัย และไม่แน่ใจให้โทร) เมื่อกรอกเสร็จก็โทรไปแจ้งที่บริษัท แต่ทางที่ดีควรโทรไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่เบอร์ 02-857-7799 ใช้เวลา 10 วันก็เปิดได้
แต่ถ้าใช้บริการ SCBS ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชม.

การลงทุนนั้นเป็นช่องทางในการรักษาเงินและแหล่งกระแสเงินสดสำหรับใช้ในอนาคต แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องทำกันได้ง่ายๆ มันมีความเสี่ยง เราก็ต้องมีความรู้ดีในการลงทุน ขยันในการอ่านงบการเงิน เรียนรู้เรื่องการเงินการบริหารในระดับที่ดี ภาษาอังกฤษก็ต้องได้ไม่งั้นก็อ่านรายงานไม่ได้ อย่าคิดอะไรง่ายๆนะครับ เล่นจริงเจ็บจริงได้จริง อายุเยอะแล้วเวลาในการแก้ตัวก็มีน้อยลง
สำหรับผมเลือกที่จะ ALL In ในหุ้นครับ