Wednesday, November 27, 2019

แนะนำหุ้นใน Q3/2562 BLA

ผมจะทำการ update หุ้นที่ผมได้ศึกษาและสนใจมาลงราวๆ 5-6 ตัว และจะหุ้นที่จะมีผลตอบแทนระยะยาว(>3ปี)ระดับ 7-10 %ต่อปี ขึ้นไป และบางตัวอาจจะระยะกลาง(1ปี)ที่หวังราวๆ 10% ขึ้นไป โดยหลักคือการวางแผนการเงินระยะยาวให้สำเร็จด้วยผลตอบแทนที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในอีก 10 ปีของประเทศไทย รวมถึงเหตุผลที่ต้องขายหุ้นบางตัวออกไป

BLA

หุ้นตัวแรกที่ผมจะพูดถึงคือหุ้นประกันชีวิต
ราคาหุ้นได้ลดลงจากราคาที่ผมซื้อตอนแรกจาก 32 บาท เหลือต่ำสุดราวๆ 18 บาท ก่อนที่จะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 22.40 บาท ผมเองก็ได้ซื้อหุ้นเฉลี่ยทำให้ต้นทุนเหลือ 27 บาท

ผลกระทบในเชิงของพื้นฐานธุรกิจที่ผ่านมาได้แก่
- การที่ดอกเบี้ยกลับจากกำลังเป็นขาขี้น กลายเป็นขาลง และตอนนี้ดอกเบี้ยได้กลับไปสู่ระดับต่ำสุดของไทย
- การเสียช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธนาคารกรุงไทย โดย AIA ได้เขาไปจำหน่ายแทน
- การตั้งสำรอง LAT reserve อันเนื่องจากการลดลงของดอกเบี้ยในช่วงปี 2560(ราวๆนี้) ทำให้กระทบต่อกำไรของบริษัท อันเนื่องจากกรมธรรม์แบบออมทรัพย์
- การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ดูเหมือนว่าจะโตช้าลงไปเรื่อยๆ และสังคมของประเทศจะเข้าสูงผู้สูงวัยในอีกราวๆ 10 ปีข้างหน้า จะทำให้การลงทุนลดลง รายได้ประเทศจะลดลงตามแรงงานที่น้อยลง แต่ต้องใช้เงินมากขึ้น


แต่ถ้าเรามองเรื่องผลประกอบการ ผลกำไรของบริษัทก็ไม่ได้ตกต่ำมากนัก โดยใน 9M2562 บริษัททำกำไรได้ 3,732 ล้านบาท คิดเป็น 2.19 บาทต่อหุ้น และคาดว่าในไตรมาสที่ 4 ของปีบริษัทบริษัทก็น่าจะทำกำไรได้อีกราวๆ 1,000 ล้านบาท ก็จะทำให้กำไรทั้งปีอยู่ราวๆ 4,700 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบปีที่แล้ว

ในตารางด้านบนจะพบว่าบริษัทมีระดับราคาซื้อขายกันเพียง 0.85 เท่าของ BV และมีปันผลระดับ 3.21% ถือเป็นระดับราคาที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ IPO เมื่อเทียบในเชิง financial ratio 
ในการประชุมนักวิเคราห์บริษัทได้ให้ข้อมูลดังนี้
- เน้นสินค้าที่ทำกำไรดี (นโยบายบริษัทนับตั้งแต่งปี 2561 คือลดกรมธรรม์ออมทรัพย์)
- ขายผ่าน agent และขายผ่านช่องทางใหม่ bancassurance ผ่าน tisco bank และ siam smile
- เป้า ROI อยู่ในระดับ 4.3%
- ไม่ต้องสำรอง LAT หากดอกเบี้ยลดต่ำกว่า 1.5% (ส่วนตัวคาดว่า หากต่ำกว่า 1% อาจจะต้องตั้งสำรอง)
- กองทุน/สินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ระดับ 308% สูงกว่าเกณฑ์ที่ 140% 

ผมเชื่อว่าธุรกิจประกันชีวิตยังคงดำเนินกิจการไปได้และไม่ขาดทุน นับตั้งแต่เข้าตลดาในปี 2553(ดูกราฟด้านบน) บริษัทก็ไม่เคยขาดทุนเลยแม้แต่ปีเดียว และในช่วงปี 2559-2562 กำไรหรือรายได้จะไม่โตเพราะอัตราดอกเบี้ยเป็นขาลง แต่บริษัทก็ยังรักษากำไรในระดับ 5,000 ล้านต่อปีได้ ยกเว้นในปี 2560 ที่ต้องตั้งสำรอง LAT เป็นจำนวนมาก

ผมจะยังถือหุ้นตัวนี้ต่อไป แต่อาจจะไม่ได้ซื้อเพิ่มเพราะผมเน้นที่จะลงทุนในต่างประเทศเป็นหลักในขณะนี้ แต่ถ้าราคาต่ำกว่า 20 บาทอีกครั้งผมก็จะเอาเงินเดือนมาซื้อครับ และเห็นว่าหุ้นควรจะมีมูลค่าอย่างน้อยก็ 25 บาทครับ
ดาว์นโหลดบทวิเคราะห์จาก finansia

No comments:

Post a Comment